วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2557
















SF:: Cranes CAP NIEL









“หิมะตก”
.
.
.
.
.
.
.









             ละอองหิมะค่อยๆโปรยปรายลงมาช้าๆ ภูเขาที่เคยเขียวขจี บัดนี้ ถูกทาบทับไปด้วยละอองสีขาวที่ตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย






ณ กระท่อมเก่าหลังน้อยๆในหมู่บ้านที่ห่างไกล เราสองคนต่างโอบกอดกันไว้ในยามราตรีแห่งฤดูเหมันต์  กายเล็กหนาวสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมอกคนรัก ด้วยความยากจนมีเพียงผ้าบางๆให้สวมใส่ แค่ลมพัดน้อยๆก็สามารถบาดผิวขาวนวลให้เจ็บแสบได้ แต่ก็ยังดีที่มีความอบอุ่นคอยห้อมล้อมรอบกายเอาไว้






“หิมะตกเหมือนในวันที่เราได้พบกันเลยนะดาเนียล”










      มินซูนึกถึงวันที่เขาได้พบดาเนียลครั้งแรก คืนนั้นหิมะตกหนักมาก แต่เขาก็ยังนั่งเฝ้าปั้นถ้วยชามเพื่อนำไปขายหาเลี้ยงชีพ








ก๊อกๆ






เสียงเคาะประตูด้านหน้าบ้านดังขึ้น มือหนาละจากงานที่ทำอยู่ ดันตัวลุกไปเปิดดู


หลังประตูบานนั้น ปรากฏชายหนุ่มรูปร่างผอมบาง ห่มกิโมโนผืนงามสีขาวตัดแดง ผมสีบลอนทองเปร่งประกาย  ผิวกายขาวอมชมพูนวล ใบหน้าเปื้อนยิ้มยืนอยู่





“นับตั้งแต่วันนี้ข้าจะคอยรับใช้ท่าน” 
.
.
.
.
.
นึกถึงทีไรก็ทำให้เขายิ้มตามเสมอ










     ท่านพึมพำขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม นิ้วเรียวยื่นส่งมาเกลี่ยไรผมสีบลอนด์ทองของข้าเล่น ข้าจึงซุกใบหน้าที่แดงระเรื่อจากไอร้อนของเตาไฟลงบนแผ่นไหล่กว้างของท่าน






“อื้อ





ข้าตอบรับคำพูดของท่านด้วยท่าทางเขินอาย อยากอยู่ในอ้อมอกนี้ตลอดไปจัง…..














จิ๊บ จิ๊บ….





      เสียงนกขับขานยามที่ข้าร้องเพลง ราวกับว่ายินดีที่ฤดูใหม่ได้เริ่มขึ้น หิมะสีขาวค่อยๆละลายไปผืนดินถูกเติมเต็มด้วยต้นไม้ใบหญ้าที่พึ่งแตกยอดใหม่ๆ ฤดูใบไม้ผลิกำลังเริ่มขึ้น






“เสียงของเจ้าช่างไพเราะเหลือเกิน”





ท่านเอ่ยขึ้น เพียงเท่านั้น ด้วยคำพูดเพียงเท่านั้น ก็ทำให้ข้ามีความสุขเหลือล้น







“หากวันใด เสียงของข้าไม่หลงเหลือความไพเราะอยู่แล้ว ท่านมินซูจะยังรักข้าอยู่ไหม?”







ถามไปด้วยใจสั่นคลอน เพราะมันต้องมีสักวันที่วันนั้นมันจะมาถึง ข้าอยากจะอยู่กับท่านแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆจนแก่เฒ่า





“ต้องรักแน่นอนอยู่แล้ว”





ท่านตอบพลางคลี่ยิ้มบางๆ และค่อยๆไล้ฝ่ามือโตนั้นลงไปบนพวงแก้ม 


      








      ริมฝีปากหยักทาบทับลงบนปากอิ่มอย่างแผ่วเบาก่อนที่จะเริ่มรุกล้ำด้วยปลายลิ้นร้อน มือหนาร่นชุดกิโมโนลงเผยให้เห็นไหล่มนบาง มินซูประพรมรอยกุหลาบไปตามสันกระดูกไหปลาร้า ยอดอกสีชมพูกำลังชูชัน คนตัวโตตอบสนองความต้องการของร่างบางโดยการบีบคลึงสองเม็ดทับทิบพลางสลับดูดไปมาราวกับเป็นของหวานเลยก็ว่าได้  ใช่กายดาเนียลหวานกว่าสิ่งใดทั้งหมดที่เขาเคยได้ชิมมา ทั้งสองค่อยๆละเมียดละไมในการชิมความหวานกันไปมา ทั้งทางกายและคำพูด และแล้วเพลงรักก็เริ่มบรรเลงขึ้น
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.









      บ่ายวันหนึ่งในฤดูร้อน แมกไม้ทอประกายเขียวขจี ข้ามุ่งมั่นในการทำงานบ้าน ท่านที่เพิ่งกลับมาจากการหาบของไปขายเหนื่อยๆก็ล้มกายลง พร้อมกับไออย่างรุนแรง ใบหน้าของท่านดูอิดโรยและซีดเซียว ข้าพยุงท่านเข้ามาในห้องและน้ำตามากมายก็ได้ไหลพรั่งพรูออกมา แต่คู่สามีภรรยาจนๆอย่างเราคงจะไม่มีปัญญาซื้อยามารักษาท่านหรอก












      วันแล้ววันเล่า หรือแม้ในวันต่อๆไป ข้าก็เอาแต่ทอผ้าโดยมิยอมหยุดพัก ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้ชีวิตของท่านต้องโรยราไป ดุจดั่งใบเมเปิ้ลที่รอวันร่วงโรยเป็นอันขาด ฤดูกาลค่อยๆผันผ่านไป เหล่าจิ้งหรีดกรีดเสียงเรไร เป็นการบ่งบอกถึงจุดสิ้นสุดของฤดูร้อน ข้าคอยเอาผ้าที่ทอได้ไปขายและได้ยารักษาโรคมาให้ท่าน มือเรียวที่เป็นรอยแผลเหวอะหวะกดตำยาอย่างไม่หยุดหย่อน ดาเนียลป้อนยาให้คนตัวโตในอ้อมแขนบางที่ไร้เรี่ยวแรง









“ท่านดื่มนี่นะ






“นิ้วของเจ้าช่างงดงามเหลือเกิน”






ท่านกุมมือที่เต็มไปด้วยรอยแผลของข้าเอาไว้ มือนั้นช่างเย็นยะเยียบจนน่าใจหาย…..





“หากวันใดไม่มีนิ้วที่เรียวงามนี่แล้ว ท่านมินซูจะยังรักข้าอยู่ไหม?”





ท่านเงียบไปสักพักสายตาคมพิจจารณามือเรียวที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากการทอผ้าพลางคลี่ยิ้มออกมาและพูดว่า




“ต้องรักแน่นอนอยู่แล้ว”






ท่านตอบพลางหอบไออย่างหนัก และกอบกุมนิ้วที่บอบช้ำของข้าเอาไว้ในมือ ข้าคุกเข่ากอดกายท่านจากด้านหลัง พลางซุกใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาลงบนแผ่นหลังกว้างของท่าน













ขยับกี่ทอผ้า ทั้งกลางวันกลางคืนมิเคยหยุด

-อา สายลม อาทิตย์อัสดง-


ต้องรีบ ต้องรีบไปซื้อยามาเพิ่ม ไม่อย่างนั้นท่าน…..

-ค่อยๆโยกคลอนดับแสงแห่งชีวิตของหมู่แมกไม้-


อีกนิดเดียว ขออีกแค่นิดเดียว ก่อนที่ใบเมเปิ้ลจะโรยรา
จนกว่านิ้วจะขยับไม่ได้….จนกว่าขนปีกจะหมดสิ้นไป

-ที่ค่อยๆเสื่อมสูญไป อย่างไม่ปราณี-












      น้ำตามากมายไหลอาบเต็มสองแก้ม ข้าจะไม่ยอมเสียท่านและจะจดจำเรื่องราวต่างๆของเราเอาไว้ ทั้งที่ที่ท่านพาข้าไปเที่ยว ทั้งข้าวมื้อแรกที่เรานั่งกินด้วยกันอย่างมีความสุข ทั้งความยากลำบากที่เราสองคนเคยผ่านด้วยกันมา และวันแรกที่ท่านช่วยข้า…. ท่านมินซู
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.










       นกกระเรียนตัวงามที่บัดนี้หลงเหลือขนบนตัวเพียงน้อยนิด แต่ก็ยังพยายามเอามาถักทอให้เป็นผ้าไหมเพื่อนำเงินมาซื้อยารักษาคนรัก เลือดสีสดไหลหลั่งรินออกมาจากบาดแผลตามปีก แต่ความเจ็บปวดนี้ก็ยังไม่เทียบเท่ากับอาการของคนรักที่นอนป่วยอยู่







“หากวันใด ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ท่านจะยังรักข้าอยู่ไหม?”








ข้าได้แต่พึมพำออกไป ทั้งหวาดกลัวจนไม่อาจเอ่ยบอกความจริงกับท่านได้ ข้าจึงค่อยๆดึงขนปีกเส้นสุดท้าย แต่เพียงลำพัง….









ท่านที่แอบฟังข้าอยู่หลังบานประตู เข้ามาโอบอุ้มข้าไว้พร้อมกับขนปีกเส้นสุดท้าย ดวงตาท่านดูเจ็บปวดเหลือเกิน แต่กระนั้นก็ยังบรรจงเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของข้าอย่างไม่หยุดหย่อน







“ต้องรักแน่นอนอยู่แล้ว”





ข้าตอบพลางคลี่ยิ้มออกมา โอบกอดดาเนียลผู้ไร้ปีกเอาไว้








“ภาพของนกกระเรียนที่สยายปีกโผบินไปอย่างงดงามในวันนั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังจำได้ดี ไม่เคยลืมเลือนเลยหล่ะ และข้าก็ยังคง….รักเจ้าเสมอมาไม่เคยเปลี่ยนแปลง”








-END-

ปล.อ้างอิงจากนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่น เรื่องนกกระเรียนแทนคุณค่ะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น