SF:: Cranes CAP NIEL
“หิมะตก”
.
.
.
.
.
.
.
ละอองหิมะค่อยๆโปรยปรายลงมาช้าๆ
ภูเขาที่เคยเขียวขจี บัดนี้ ถูกทาบทับไปด้วยละอองสีขาวที่ตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย
ณ
กระท่อมเก่าหลังน้อยๆในหมู่บ้านที่ห่างไกล เราสองคนต่างโอบกอดกันไว้ในยามราตรีแห่งฤดูเหมันต์ กายเล็กหนาวสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมอกคนรัก
ด้วยความยากจนมีเพียงผ้าบางๆให้สวมใส่ แค่ลมพัดน้อยๆก็สามารถบาดผิวขาวนวลให้เจ็บแสบได้
แต่ก็ยังดีที่มีความอบอุ่นคอยห้อมล้อมรอบกายเอาไว้
“หิมะตกเหมือนในวันที่เราได้พบกันเลยนะดาเนียล”
มินซูนึกถึงวันที่เขาได้พบดาเนียลครั้งแรก
คืนนั้นหิมะตกหนักมาก แต่เขาก็ยังนั่งเฝ้าปั้นถ้วยชามเพื่อนำไปขายหาเลี้ยงชีพ
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูด้านหน้าบ้านดังขึ้น มือหนาละจากงานที่ทำอยู่
ดันตัวลุกไปเปิดดู
หลังประตูบานนั้น ปรากฏชายหนุ่มรูปร่างผอมบาง ห่มกิโมโนผืนงามสีขาวตัดแดง ผมสีบลอนทองเปร่งประกาย ผิวกายขาวอมชมพูนวล ใบหน้าเปื้อนยิ้มยืนอยู่
“นับตั้งแต่วันนี้ข้าจะคอยรับใช้ท่าน”
.
.
.
.
.
.
.
นึกถึงทีไรก็ทำให้เขายิ้มตามเสมอ
ท่านพึมพำขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
นิ้วเรียวยื่นส่งมาเกลี่ยไรผมสีบลอนด์ทองของข้าเล่น ข้าจึงซุกใบหน้าที่แดงระเรื่อจากไอร้อนของเตาไฟลงบนแผ่นไหล่กว้างของท่าน
“อื้อ…”
ข้าตอบรับคำพูดของท่านด้วยท่าทางเขินอาย
อยากอยู่ในอ้อมอกนี้ตลอดไปจัง…..
จิ๊บ จิ๊บ….
เสียงนกขับขานยามที่ข้าร้องเพลง
ราวกับว่ายินดีที่ฤดูใหม่ได้เริ่มขึ้น
หิมะสีขาวค่อยๆละลายไปผืนดินถูกเติมเต็มด้วยต้นไม้ใบหญ้าที่พึ่งแตกยอดใหม่ๆ
ฤดูใบไม้ผลิกำลังเริ่มขึ้น
“เสียงของเจ้าช่างไพเราะเหลือเกิน”
ท่านเอ่ยขึ้น เพียงเท่านั้น
ด้วยคำพูดเพียงเท่านั้น ก็ทำให้ข้ามีความสุขเหลือล้น
“หากวันใด
เสียงของข้าไม่หลงเหลือความไพเราะอยู่แล้ว ท่านมินซูจะยังรักข้าอยู่ไหม?”
ถามไปด้วยใจสั่นคลอน
เพราะมันต้องมีสักวันที่วันนั้นมันจะมาถึง
ข้าอยากจะอยู่กับท่านแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆจนแก่เฒ่า
“ต้องรักแน่นอนอยู่แล้ว”
ท่านตอบพลางคลี่ยิ้มบางๆ
และค่อยๆไล้ฝ่ามือโตนั้นลงไปบนพวงแก้ม
ริมฝีปากหยักทาบทับลงบนปากอิ่มอย่างแผ่วเบาก่อนที่จะเริ่มรุกล้ำด้วยปลายลิ้นร้อน มือหนาร่นชุดกิโมโนลงเผยให้เห็นไหล่มนบาง มินซูประพรมรอยกุหลาบไปตามสันกระดูกไหปลาร้า ยอดอกสีชมพูกำลังชูชัน คนตัวโตตอบสนองความต้องการของร่างบางโดยการบีบคลึงสองเม็ดทับทิบพลางสลับดูดไปมาราวกับเป็นของหวานเลยก็ว่าได้ ใช่…กายดาเนียลหวานกว่าสิ่งใดทั้งหมดที่เขาเคยได้ชิมมา ทั้งสองค่อยๆละเมียดละไมในการชิมความหวานกันไปมา ทั้งทางกายและคำพูด และแล้วเพลงรักก็เริ่มบรรเลงขึ้น
ริมฝีปากหยักทาบทับลงบนปากอิ่มอย่างแผ่วเบาก่อนที่จะเริ่มรุกล้ำด้วยปลายลิ้นร้อน มือหนาร่นชุดกิโมโนลงเผยให้เห็นไหล่มนบาง มินซูประพรมรอยกุหลาบไปตามสันกระดูกไหปลาร้า ยอดอกสีชมพูกำลังชูชัน คนตัวโตตอบสนองความต้องการของร่างบางโดยการบีบคลึงสองเม็ดทับทิบพลางสลับดูดไปมาราวกับเป็นของหวานเลยก็ว่าได้ ใช่…กายดาเนียลหวานกว่าสิ่งใดทั้งหมดที่เขาเคยได้ชิมมา ทั้งสองค่อยๆละเมียดละไมในการชิมความหวานกันไปมา ทั้งทางกายและคำพูด และแล้วเพลงรักก็เริ่มบรรเลงขึ้น
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
บ่ายวันหนึ่งในฤดูร้อน
แมกไม้ทอประกายเขียวขจี ข้ามุ่งมั่นในการทำงานบ้าน ท่านที่เพิ่งกลับมาจากการหาบของไปขายเหนื่อยๆก็ล้มกายลง
พร้อมกับไออย่างรุนแรง ใบหน้าของท่านดูอิดโรยและซีดเซียว
ข้าพยุงท่านเข้ามาในห้องและน้ำตามากมายก็ได้ไหลพรั่งพรูออกมา แต่คู่สามีภรรยาจนๆอย่างเรา…คงจะไม่มีปัญญาซื้อยามารักษาท่านหรอก
วันแล้ววันเล่า หรือแม้ในวันต่อๆไป
ข้าก็เอาแต่ทอผ้าโดยมิยอมหยุดพัก ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้ชีวิตของท่านต้องโรยราไป
ดุจดั่งใบเมเปิ้ลที่รอวันร่วงโรยเป็นอันขาด ฤดูกาลค่อยๆผันผ่านไป เหล่าจิ้งหรีดกรีดเสียงเรไร
เป็นการบ่งบอกถึงจุดสิ้นสุดของฤดูร้อน
ข้าคอยเอาผ้าที่ทอได้ไปขายและได้ยารักษาโรคมาให้ท่าน
มือเรียวที่เป็นรอยแผลเหวอะหวะกดตำยาอย่างไม่หยุดหย่อน
ดาเนียลป้อนยาให้คนตัวโตในอ้อมแขนบางที่ไร้เรี่ยวแรง
“ท่านดื่มนี่นะ…”
“นิ้วของเจ้าช่างงดงามเหลือเกิน”
ท่านกุมมือที่เต็มไปด้วยรอยแผลของข้าเอาไว้
มือนั้นช่างเย็นยะเยียบจนน่าใจหาย…..
“หากวันใดไม่มีนิ้วที่เรียวงามนี่แล้ว
ท่านมินซูจะยังรักข้าอยู่ไหม?”
ท่านเงียบไปสักพักสายตาคมพิจจารณามือเรียวที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากการทอผ้าพลางคลี่ยิ้มออกมาและพูดว่า
“ต้องรักแน่นอนอยู่แล้ว”
ท่านตอบพลางหอบไออย่างหนัก
และกอบกุมนิ้วที่บอบช้ำของข้าเอาไว้ในมือ ข้าคุกเข่ากอดกายท่านจากด้านหลัง พลางซุกใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาลงบนแผ่นหลังกว้างของท่าน
ขยับกี่ทอผ้า
ทั้งกลางวันกลางคืนมิเคยหยุด
-อา สายลม อาทิตย์อัสดง-
ต้องรีบ ต้องรีบไปซื้อยามาเพิ่ม
ไม่อย่างนั้นท่าน…..
-ค่อยๆโยกคลอนดับแสงแห่งชีวิตของหมู่แมกไม้-
อีกนิดเดียว ขออีกแค่นิดเดียว
ก่อนที่ใบเมเปิ้ลจะโรยรา
จนกว่านิ้วจะขยับไม่ได้….จนกว่าขนปีกจะหมดสิ้นไป
-ที่ค่อยๆเสื่อมสูญไป
อย่างไม่ปราณี-
น้ำตามากมายไหลอาบเต็มสองแก้ม ข้าจะไม่ยอมเสียท่านและจะจดจำเรื่องราวต่างๆของเราเอาไว้
ทั้งที่ที่ท่านพาข้าไปเที่ยว ทั้งข้าวมื้อแรกที่เรานั่งกินด้วยกันอย่างมีความสุข ทั้งความยากลำบากที่เราสองคนเคยผ่านด้วยกันมา
และวันแรกที่ท่านช่วยข้า…. ท่านมินซู
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
นกกระเรียนตัวงามที่บัดนี้หลงเหลือขนบนตัวเพียงน้อยนิด
แต่ก็ยังพยายามเอามาถักทอให้เป็นผ้าไหมเพื่อนำเงินมาซื้อยารักษาคนรัก เลือดสีสดไหลหลั่งรินออกมาจากบาดแผลตามปีก
แต่ความเจ็บปวดนี้ก็ยังไม่เทียบเท่ากับอาการของคนรักที่นอนป่วยอยู่
“หากวันใด ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป
ท่านจะยังรักข้าอยู่ไหม?”
ข้าได้แต่พึมพำออกไป ทั้งหวาดกลัวจนไม่อาจเอ่ยบอกความจริงกับท่านได้
ข้าจึงค่อยๆดึงขนปีกเส้นสุดท้าย แต่เพียงลำพัง….
ท่านที่แอบฟังข้าอยู่หลังบานประตู
เข้ามาโอบอุ้มข้าไว้พร้อมกับขนปีกเส้นสุดท้าย ดวงตาท่านดูเจ็บปวดเหลือเกิน
แต่กระนั้นก็ยังบรรจงเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของข้าอย่างไม่หยุดหย่อน
“ต้องรักแน่นอนอยู่แล้ว”
ข้าตอบพลางคลี่ยิ้มออกมา
โอบกอดดาเนียลผู้ไร้ปีกเอาไว้
“ภาพของนกกระเรียนที่สยายปีกโผบินไปอย่างงดงามในวันนั้น
จนถึงตอนนี้ก็ยังจำได้ดี ไม่เคยลืมเลือนเลยหล่ะ และข้าก็ยังคง….รักเจ้า…เสมอมาไม่เคยเปลี่ยนแปลง”
-END-
ปล.อ้างอิงจากนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่น เรื่องนกกระเรียนแทนคุณค่ะ
ปล.อ้างอิงจากนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่น เรื่องนกกระเรียนแทนคุณค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น